วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558

หลังรับประทานอาหารแล้วทำให้ง่วงนอนจริงหรือ?

กินมากง่วงนอนมักมีคนพูดว่า หนังท้องตึง หนังตาหย่อน หลายคนสงสัยว่า หลังรับประทานอาหารแล้วทำให้ง่วงนอนจริงหรือ? หลังรับประทานอาหารมีผลทำให้ง่วงนอนได้จริงๆ

เนื่องจากกระบวนการสั่งงานในสมองช้าลง และจำนวนเลือดที่ไปเลี้ยงสมองมีจำนวนลดน้อยลง เพราะเลือดจำนวนมากและระบบสั่งการในสมองถูกนำไปใช้ในกระบวนการย่อยอาหาร เมื่อเรารับประทานอาหารเข้าไป กระเพาะก็จะเริ่มทำงาน และดึงเลือดจากส่วนต่างๆมาช่วยย่อยอาหาร

จึงทำให้กระบวนการทำงานในสมองช้าลง จึงทำให้เรารู้สึกอ่อนเพลียและง่วงนอนได้คะ ซึ่งจริงๆแล้วการนอนระหว่างวันเป็นเวลาประมาณ 15-30 นาทีจะส่งผลดีกับร่างกาย เป็นการชาร์จแบตฯให้กับร่างกาย ทำให้กลับมาสู้กับการทำงานได้แบบสดชื่นอีกครั้ง

การนอนหลับเป็นกระบวนการอย่างหนึ่งในร่างกาย มีการหลั่งฮอร์โมนที่ควบคุมการเจริญเติบโตออกมา มีการซ่องแซมอวัยวะที่สึกหรอ และช่วยเสริมสร้างความต้านทานการติดเชื้อได้ด้วย ลองสังเกตดู คนอดนอนมักเป็นหวัดง่ายเนื่องจากภูมิคุ้มกันลดลงเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ

สูตรลดความอ้วนโดยใช้มะนาว


มะนาวเป็นพืชผักใกล้ตัวของคนไทยที่หาง่าย ปลูกเองก็ได้ หรือจะหาซื้อในตลาดก็ได้ทุกเมื่อ นอกจากมะนาวจะมีวิตามินซีแล้ว ยังมีสรรพคุณช่วยลดไขมันในเลือดและลดความอ้วนได้ด้วย

มะนาว

มะนาว


สูตรที่ขอแนะนำมีส่วนผสมดังนี้

  • มะนาว 1 ลูก
  • น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำผึ้ง 2 ช้อนชา
  • เกลือประมาณปลายช้อนชา
  • น้ำอุ่น 200 ซีซี

วิธีการทำก็แสนง่าย แค่ชงน้ำตาลทรายแดงกับเกลือในน้ำอุ่นจนละลาย ทิ้งไว้สักครู่ให้น้ำเย็นลงอีกนิด แล้วจึงบีบมะนาว 1 ลูกตามลงไป ดื่มให้หมด ถ้าให้ดีควรดื่มก่อนนอนสัก 15-20 นาทีจะทำให้ได้รับประโยชน์เต็มที่

 

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

การตัดเค้กงานแต่งงาน

เค้กแต่งงานถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ที่จะขาดไม่ได้ในพิธีแต่งงาน ในสมัยแรกเริ่มจะใช้ข้าวสาลีที่เชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ และความเจริญรุ่งเรืองโปรยใส่เจ้าสาว แล้วให้หญิงสาวที่ยังไม่มีคู่ครองแย่งกันเก็บเมล็ดข้าวสาลี

เพื่อประกันว่าพวกเธอจะได้แต่งงานในไม่ช้า เช่นเดียวกับการแย่งช่อดอกไม้ของเจ้าสาวในยุคปัจจุบัน ต่อมาในช่วง 100 ปีก่อนศริสต์ศักราช ได้เปลี่ยนจากการปาเมล็ดขสาลีมาเป็นการอบขนมเค้กชิ้นเล็กๆ ที่ทำจากข้าวสาลีแจกให้แขกที่มาในงานรับประทาน แต่แขกที่มาร่วมงานยังต้องการความสนุนสนานจากการปาเมล็ดข้าวสาลีใส่เจ้าสาว จึงเปลี่ยนมาเป็นการโยนเค้กที่แจกในงานใส่เจ้าสาวแทน

หลังจากนั้นได้ลดความรุนแรงในการปาเค้กมาเป็นการละเลงขนมเค้กบนศรีษะของเจ้าสาว แล้วใช้คู่บ่าวสาวรับประทานขนมเค้กที่ถูกละเลงร่วมกันแล้วจิบเหล้าที่เรียกว่า เหล้าเจ้าสาวตามไปด้วย ประเพณีนี้ได้แพร่หลายไปทั่วยุโรปตะวันตกโดยเฉพาะประเทศอังกฤษ ต่อมาเป็นช่วงภาวะข้าวยากหมากแพง จึงได้เปลี่ยนไปเป็นการปาเมล็ดข้าวสาลีเช่นเดิม ขนมเค้กที่เคยอบอย่างดีก็เปลี่ยนเป็นขนมปังกรอบชิ้นเล็กๆแทน ต่อจากนั้นก็ได้มีธรรมเนียมให้นำขนมปังมาวางเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ

เชื่อกันว่ายิ่งกองสูงเท่าใดยิ่งดี เพราะจะแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของคู่สมรสในอนาคต หลังจากนั้นในช่วงสมัยของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 มีพ่อครัวชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งได้ไปเที่ยวกรุงลอนดอนและเห็น พิธีกองเค้กแล้วอาจมีการล้มพังลงมาได้ เขาจึงได้คิดทำขนมเค้กก้อนใหญ่เป็นชั้นๆ เคลือบด้วยน้ำตาลไอซิ่ง แทนจากนั้นก็ได้พัฒนารูปแบบเรื่อยมาจนเป็นเค้กแต่งงานที่เราเห็นในปัจจุบันนี้

หนังสือเล่มที่เล็กที่สุดในโลก


มาดูฝีมือของชาวเอเชียกันบ้าง หนังสือจิ๋วที่มีขนาดเล็กกว่ารูเข็มนี้มีชื่อว่า Shiki no Kusabana แปลว่า ดอกไม้แห่งฤดูกาล หนังสือดังกล่าวมีขนาดเพียง 0.75 มิลลิเมตร และมีเพียง 22 หน้า ในหนังสือมีชื่อและภาพของดอกไม้ญี่ปุ่นหลากหลายชนิด พิพม์ด้วยเทคโนโลยีที่มีความละเอียดสูงเช่นเดียวกับเครื่องพิมพ์ธนบัตร

world’s smallest book

world’s smallest book

ขณะนี้หนังสือเล่มนี้ถูกจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์การพิมพ์ Toppan ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นและขายพร้อมกับแว่นขยายฉบับไซส์ปกติให้อ่านกันอย่างสบายตาในราคา 29,400 เย็น หรือประมาณ 8,820 บาท

หนังสือเล่มที่เล็กที่สุด


หนังสือเล่มที่เล็กที่สุด