วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

10 อันดับ ภาษาที่เรียนรู้ยากที่สุด

10 อันดับ ภาษาที่เรียนรู้ยากที่สุด



ในโลกนี้มีเป็นร้อยพันภาษา... แต่ภาษาที่ยากที่สุดในโลกคืออะไรนะ ?ถ้าอยากรู้ไปดูกันเลย!

10. Swahili

ภาษา สวาฮีลี (หรือ คิสวาฮีลี) เป็นภาษากลุ่มแบนตูที่พูดอย่างกว้างขวางในแอฟริกาตะวันออก ไม่ว่าจะเป็น แทนซาเนีย เคนยา ยูกันดา รวันดา บุรุนดี คองโก-กินชาซา โซมาเลีย คอโมโรส (รวมมายอต) โมซัมบิก และมาลาวี ภาษาสวาฮีลีเป็นภาษาแม่ของ ชาวสวาฮีลี ซึ่งอาศัยอยู่แถบชายฝั่งของแอฟริกาตะวันออกระหว่างประเทศโซมาเลียตอนใต้ ประเทศโมแซมบิกตอนเหนือ มีคนพูดเป็นภาษาแม่ประมาณ 5 ล้านคนและคนพูดเป็นภาษาที่สองประมาณ 30-50 ล้านคน ภาษาสวาฮีลีได้กลายเป็นภาษาที่ใช้โดยทั่วไปในแอฟริกาตะวันออกและพื้นที่รอบ ๆ ว่ากันว่า การเรียนภาษาสวาฮิลีเป็นสิ่งท้าทายที่สุด

9. English

ภาษา อังกฤษ เป็นภาษาตระกูลเจอร์เมนิกตะวันตก มีต้นตระกูลมาจากอังกฤษ เป็นภาษาที่มีคนพูดเป็นภาษาแรกมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ภาษาอังกฤษถือเป็นภาษากลาง (lingua franca) เนื่อง จากอิทธิพลทางทหาร เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ การเมือง และวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่นักศึกษาทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เพราะว่าภาษาอังกฤษนั้นได้เข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งต่อผู้คนในหลากหลายอาชีพ ซึ่งบางอาชีพต้องการผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านภาษาอังกฤษมาช่วยประสานงาน ทำให้งานทุกอย่างนั้นง่ายราบรื่นและสำเร็จลงไปได้ด้วยดี สาเหตุที่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ยากโดยรวมเนื่องจาก เป็นภาษาที่ใช้อักษรละตินเป็นอักษรหลักในการเขียน และการสะกดคำหลายคำจะไม่ตรงกับการอ่านออกเสียง ซึ่งทำให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ยากภาษาหนึ่งในการเรียน

8. Korean

ภาษา เกาหลี เป็นภาษาที่ส่วนใหญ่พูดใน ประเทศเกาหลีใต้ และ ประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งใช้เป็นภาษาราชการ และมีคนชนเผ่าเกาหลีที่อาศัยอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนพูดโดยทั่วไป(ใน จังหวัดเหยียนเปียน มณฑลจื๋อหลิน ซึ่งมีพรมแดนติดกับเกาหลี) ทั่วโลกมีคนพูดภาษาเกาหลี 78 ล้านคน รวมถึงกลุ่มคนในอดีตสหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา แคนาดา บราซิล ญี่ปุ่น และเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีผู้พูดใน ฟิลิปปินส์ ด้วย การจัดตระกูลของภาษาเกาหลีไม่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป แต่คนส่วนมากมักจะถือเป็นภาษาเอกเทศ นักภาษาศาสตร์บางคนได้จัดกลุ่มให้อยู่ใน ภาษาตระกูลอัลไตอิกด้วย ทั้งนี้เนื่องจากภาษาเกาหลีมีวจีวิภาคแบบภาษาคำติดต่อ ส่วนวากยสัมพันธ์หรือโครงสร้างประโยคนั้น เป็นแบบประธาน-กรรม-กริยา (SOV) แม้ว่าภาษาเกาหลีจะมีตัวอักษร กับสระเพียงไม่กี่ตัวที่ต้องจำ(อักษร 19 + สระ 21) หากแต่ว่าไวยกรณ์ของเกาหลียากมาก ต้องจำกฎสารพัด กว่าจะเข้าใจและสามารถเขียนและอ่านได้

7. German

ภาษาเยอรมัน หรือด๊อยช์ เป็นภาษากลุ่มเจอร์เมนิกด้านตะวันตก และเป็นภาษาที่มีคนพูดเป็นภาษาแม่มากที่สุดในสหภาพยุโรป ส่วนใหญ่พูดในประเทศเยอรมนี ออสเตรีย ลิกเตนสไตน์ ส่วนมากของสวิตเซอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก แคว้นปกครองตนเองเตรนตีโน-อัลโตอาดีเจในอิตาลี แคว้นทางตะวันออกของเบลเยียม บางส่วนของโรมาเนีย แคว้นอัลซาซและบางส่วนของแคว้นลอร์แรนใน ฝรั่งเศส นอกจากนี้ อาณานิคมเดิมของประเทศเหล่านี้ เช่น นามิเบีย มีประชากรที่พูดภาษาเยอรมันได้พอประมาณ และยังมีชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษาเยอรมันในหลายประเทศทางยุโรปตะวันออก เช่น รัสเซีย ฮังการี และสโลวีเนีย รวมถึงอเมริกาเหนือ (โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา) รวมถึงบางประเทศในละตินอเมริกา เช่น อาร์เจนตินา และในบราซิล ภาษาเยอรมัน จะว่ายาก..มันก็ยาก เพราะมีการแบ่งเพศในคำนามสิ่งของที่มีอยู่ในโลกนี้ 3 เพศ เช่น เวลา หรือ นาฬิกา นั้นเป็นเพศหญิง เครื่องดื่มที่เป็นแอลกฮอลล์ทุกชนิด ยกเว้นเบียร์ ถือว่าเป็นเพศกลาง เป็นต้น(มันคิดได้ไงว่ะเนี้ย) นอกจากนี้ยังยากตรงไวยากรณ์ เพราะมีข้อยกเว้นมาก และยากที่จะพูดให้คล่องโดยถูกหลักไวยากรณ์ เพราะคำกริยาบางทีก็อยู่ข้างหลังประโยค นอกจากนี้คำกริยาและคุณศัพท์ยังต้องผันตามเพศของคำนามอีก

6. Russian

ภาษา รัสเซีย เป็นภาษากลุ่มสลาวิกที่ใช้เป็นภาษาพูดอย่างกว้างขวางที่สุด ภาษารัสเซียจัดอยู่ในกลุ่มอินโด-ยูโรเปียน ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์กับภาษาสันสกฤต ภาษากรีก และภาษาละติน รวมไปถึงภาษาในกลุ่มเจอร์เมนิก โรมานซ์ และเคลติก (หรือเซลติก) ยุคใหม่ ตัวอย่างของภาษาทั้งสามกลุ่มนี้ได้แก่ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาไอริชตามลำดับ ส่วนภาษาเขียนนั้นมีหลักฐานยืนยันปรากฏอยู่เริ่มจากคริสต์ศตวรรษที่ 10ในปัจจุบัน ภาษารัสเซียเป็นภาษาที่มีการใช้นอกประเทศรัสเซียด้วย มีเอกสารทางวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งตีพิมพ์เป็นภาษารัสเซีย รวมทั้งความรู้ในระดับมหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่ง ภาษารัสเซียเป็นภาษาที่มีความสำคัญทางการเมืองในยุคที่สหภาพโซเวียตเรือง อำนาจและยังเป็นภาษาราชการภาษาหนึ่งของสหประชาชาติ และเป็นหนึ่งในภาษาที่ยากต่อการทำความเข้าใจ สับสน วุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นเขียนหรือการอ่านออกเสียง

5. Japanese

ภาษา ญี่ปุ่น เป็นภาษาทางการ ของประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันมีผู้ใช้ทั่วโลกราว 130 ล้านคน นอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว รัฐอังกาอูร์ สาธารณรัฐปาเลา ได้กำหนดให้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาทางการภาษาหนึ่ง นอกจากนี้ภาษาญี่ปุ่นยังถูกใช้ในหมู่ชาวญี่ปุ่นที่ย้ายไปอยู่นอกประเทศ นักวิจัยญี่ปุ่น และนักธุรกิจต่าง ๆ คำภาษาญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลมาจากภาษาต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาษาจีน ที่ได้นำมาเผยแพร่มาในประเทศญี่ปุ่นเมื่อกว่า 1,500 ปีที่แล้ว และตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ก็ได้มีการยืมคำจากภาษาต่างประเทศที่ไม่ใช่ภาษาจีนมาใช้อีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะภาษากลุ่มอินโด-ยูโรเปียน เช่นคำที่มาจากภาษาดัตช์ สาเหตุที่ภาษานี้มีความยากจนเรียกได้ว่าถึงขั้นพิสดารอันเนื่องมาจากคน ญี่ปุ่นเป็นชาติที่มีพิธีรีตองมาก ดังนั้นคำภาษาญี่ปุ่นจึงอักษรถึง3แบบ แบ่งคำศัพท์สำหรับใช้กับเพื่อน คนในครอบครัว อาจารย์เป็นต้น บางตัวไม่สามารถอธิบายได้ต้องจำเอาเอง ถือว่าเป็นภาษาที่ละเอียดอ่อนและมีความซับซ้อน ยิ่งเป็นอักษรคันจิยิ่งไปใหญ่ ขนาดคนญี่ปุ่นด้วยกันเองก็แทบแย่เหมือนกัน

4. Polish

ภาษาโปแลนด์ คือภาษาทางการของประเทศโปแลนด์ มีต้นกำเนิดมาจากพื้นที่ของโปแลนด์ ในปัจจุบันจากภาษาท้องถิ่นต่างๆ โดยเฉพาะที่พูดใน Greater Poland และ Lesser Poland ภาษาโปแลนด์เคยเป็นภาษากลาง ในพื้นที่ต่างๆ ของยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก เนื่องจากอิทธิพลทางการเมือง วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และการทหารของเครือจักรภพโปแลนด์-ลิทัวเนีย ในปัจจุบันภาษาโปแลนด์ไม่ได้ใช้กันกว้างขวางเช่นนี้ เนื่องจากอิทธิพลของภาษารัสเซีย อย่างไรก็ดี ยังมีคนพูดหรือเข้าใจภาษาโปแลนด์ในพื้นที่ชายแดนทางตะวันตกของยูเครน เบลารุส และลิทัวเนีย เป็นภาษาที่สองและคนอพยพจากประเทศโปแลนด์ที่อาศัยในพื้นที่ในประเทศต่างๆ เช่น ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อิสราเอล บราซิล แคนาดา สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น ส่วนความยากนักคงเป็นที่ตัวอักษรที่ยากต่อความเข้าใจและการนำไปใช้ที่ยุ่ง ยากพอสมควร

3. Chinese

ภาษาจีนเป็น อีกภาษาที่ยากที่สุดในโลก หากแต่กระนั้นมันมีความสำคัญต่อโลกเหมือนกันเพราะประชากรประมาณ 1/5 ของโลกพูดภาษาจีนแบบใดแบบหนึ่งเป็นภาษาแม่ ทำให้เป็นภาษาที่มีคนพูดเป็นภาษาแม่มากที่สุด (สำเนียงพูดที่ถือเป็นมาตรฐาน คือ สำเนียงปักกิ่ง ซึ่งอยู่ในกลุ่มภาษาแมนดาริน)และเป็นหนึ่งใน 6 ภาษาที่ใช้ในองค์การสหประชาชาติ (ร่วมกับ ภาษาอังกฤษ ภาษาอาหรับ ภาษาฝรั่งเศส ภาษารัสเซีย และภาษาสเปน) แน่นอนความยากของภาษาจีนนั้นก็คือออกเสียงยาก เขียนยากอีกทั้งมันมีหลายแบบ หลายสำเนียง เช่น จีนกลาง, จีนกวางตุ้ง แถมอักษรยังมีสองแบบคืออักษรจีนตัวเต็ม และ อักษรจีนตัวย่อ

2. Hungarian

ภาษา ฮังการี เป็น ภาษากลุ่มฟินโน-อูกริกที่พูดในประเทศฮังการีและในประเทศเพื่อน บ้านคือ โรมาเนีย สโลวาเกีย ยูเครน เซอร์เบีย มอนเตเนโกร โครเอเชีย ออสเตรีย และสโลวีเนีย (ทั้งหมดเป็นประเทศที่ฮังการีได้สูญเสียดินแดนให้หลังสงครามโลกครั้งที่ 1) มีคนพูดภาษาฮังการีประมาณ 14.5 ล้านคน มี 10 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในฮังการี และมีชนพื้นเมืองฮังการี ประมาณ 1,434,377 คนที่อาศัยอยู่ในโรมาเนีย โดยมีประชากรชนกลุ่มน้อยมากที่สุดในพื้นที่ทรานซิลเวเนียของโรมาเนีย

1. Basque

ภาษา บาสก์ เป็น ภาษาที่พูดโดยชาวบาสก์ซึ่งอาศัยอยู่แถบเทือกเขาพีเรนีสในตอนกลาง ของภาคเหนือของประเทศสเปน รวมทั้งในบริเวณภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศสที่มีอาณาเขตติดต่อกัน หรือลึกลงไปกว่านั้นคือ ชาวบาสก์ได้ครอบครองแคว้นปกครองตนเองที่มีชื่อว่าแคว้นปกครองตนเองบาสก์ (Basque Country autonomous community) ซึ่งมีวัฒนธรรมและอิสระในการปกครองตนเองทางการเมือง นอกจากนี้ก็ยังมีชาวบาสก์ที่อยู่ในเขตนอร์เทิร์นบาสก์ในฝรั่งเศสและแคว้น ปกครองตนเองนาวาร์ในสเปนอีกด้วย ชื่อเรียกภาษาบาสก์อย่างเป็นทางการ (ในภาษาตนเอง) คือ เออุสการา (euskara) ส่วนในรูปภาษาถิ่นอื่น ๆ ได้แก่ เออุสเกรา (euskera) เอสกูอารา (eskuara) และ อุสการา (?skara) แม้ว่าในทางภูมิศาสตร์จะถูกล้อมรอบด้วยภาษาในตระกูลอินโด-ยูโรเปียน แต่ภาษาบาสก์กลับจัดเป็นภาษาโดดเดี่ยว (language isolate) ไม่ใช่ภาษาในตระกูลดังกล่าว

ใกล้รุ่ง Cocorico! บทเพลงพระราชนิพนธ์ฉบับภาษาฝรั่งเศส

ใกล้รุ่ง Cocorico! บทเพลงพระราชนิพนธ์ฉบับภาษาฝรั่งเศส


วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2557

ประโยคสุดหวานในภาษาฝรั่งเศส

สมัยนี้ใครบอกรักกันก็มาเป็น ซารางเฮโย~  วันนี้เลยอยากจะลองเอาภาษาสุดหรูอย่างฝรั่งเศสมาในไสตล์หวานๆ ให้ทุกๆคนได้รู้กัน เผื่อจะได้เอาไปใช้กับสวีตฮาร์ทของตัวเองกันน่ะค่ะ^ ^
1. มากับประโยคพื้นฐานที่ใครหลายๆคนคุ้นหู และใช้กันบ่อยที่สุด Je t'aim. (เฌอ แตม)  ฉันรักเธอ
2.J e t'aime comme un fou.(เฌอ แตม กอม เอิงฟู) ฉันรักเธออย่างบ้าคลั่ง (ไว้สำหรับคุณผู้ชายพูดกับสาวๆน่ะค่ะ)
3. Je t'aime comme une folle (เฌอ แตม กอม อูน ฟอล) เช่นเดียวกันกับประโยคบนค่ะ แต่เป็นสำหรับคุณผู้หญิงพูดกับคุณผู้ชาย
4.Je t'aime tout mon coeur (เฌอ แตม เดอ ตุ มอง เกอค์) ฉันรักเธอหมดหัวใจ
5.Est-ce que je pourrais avois ton numero de telephone.(เอส เก๊อะ เฌอ ปู เค่ อวัวค์ ตง นูเมโค่ เดอ เต เล ฟอน) ขอเบอร์หน่อยได้มั้ย  
6.Je suis tombe amoreux(เฌอ ซุย ต็องเบ้ อมูเคอ)ผมตกหลุมรักซะแล้ว (สำหรับคุณผู้ชาย)
7.Je sius tombee amoureuse.(เฌอ ซุย ต้องเบ้ อมูเคิส)ฉันตกหลุมรักซะแล้ว (สำหรับผู้หญิง)
8.Je ne peux pas vivre toi(เฌอ เนอ เปอ ปะ วิฟเวรอะ ซ็อง ตัว)ฉันไม่สามารถอยู่ได้หากปราศจากเธอ (วิ้ววว~~)
9.C'est mon premier amour(เซ มง เพรอ มิ เย่ อมูค์)นี่เป็นรักแรกของฉัน
10.Tu me manques.(ตู เมอ มองก์)ฉันคิดถึงเธอ
11.Je sius celibataire(เฌอ ซุย เซลิบาแตค์)ฉันยังโสดอยู่ (เติมมาให้สำหรับคนโสด หุหุหุ)
12. ประโยคสุดหวานของคุณผู้ชายที่คุณผู้หญิงหลายคนเฝ้ารอVeux-tu m'epouser(เวอรื ตู เมปุเซ)แต่งงานกับฉันน่ะ  (อิ้ววว~~)
13.และสุดท้าย เอาประโยคนี้ไปใช้ได้เลยค่ะ Tu veux sortir avec moi?(ตู เวอ ซอค ตีค์ อแว็ค มั้ว)ไปเดตกันมั้ย?

การอาบน้ำที่แปลกที่สุด

5 วัฒนธรรม การอาบน้ำที่แปลกที่สุด

สำหรับบางคน การอาบน้ำ เป็นเรื่องที่ขี้เกียจที่สุด ขณะที่บางคนก็ขยันสรรหา จนอาบน้ำเปล่าธรรมดาไม่ได้ เพราะมันไม่ชิลล์พอ อาบน้ำนมก็ดูจะเบสิก จึงต้องหาน้ำที่ทำให้ผิวพรรณกระดิก มีชีวิตชีวา กับ 5 วัฒนธรรม การอาบน้ำที่แปลกที่สุด 

การอาบน้ำที่แปลกที่สุด : Beer Bath

ผู้ที่รักการดื่มเบียร์ คงอยากจะทำตัวเพลียลง Beer Bathอาบเบียร์ กันให้ชุ่มปอด ทั้งซดทั้งแช่ เอาให้ซึมเข้ากระแสเลือดกันไปเลย การอาบเบียร์ อาบได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง อ่อนกว่าวัย 

การอาบน้ำที่แปลกที่สุด : Petroleum Bath

หนึ่งในการอาบน้ำที่อันตรายที่สุด คือ การอาบน้ำมัน เพราะต้องแน่ใจว่าน้ำมันจะไม่เข้าจุดที่สำคัญ อย่าง ตา จมูก ปาก และที่วางใจไม่ได้ ต้องตรวจเช็คให้ถี่ถ้วนว่าใกล้กับบริเวณที่อาบน้ำมัน ไม่มีวัตถุไวไฟต่างๆ วางไว้ ดูจะแสนอันตราย แต่ที่หลายคนกลั้นใจอาบก็เพราะเชื่อว่า การอาบน้ำมัน ช่วยป้องกันโรคข้ออักเสบและโรคผิวหนังเนื่องจากมีกำมะถันเจือปน การอาบน้ำประหลาดนี้ให้บริการบำบัดที่ สถานพยาบาลในNaftalan ประเทศอาเซอร์ไบจาน 
การอาบมะเขื่อเทศ : tomato bath
การอาบมะเขือเทศ เป็นกิจกรรมฮิตในช่วงเทศกาลมะเขือเทศของ โคลอมเบีย เป็นวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียง โดยให้ผู้รักการกินมะเขือเทศได้ฉ่ำปอดกลางกองมะเขือยักษ์ ผสมปนเปกันเป็นน้ำผักสุดวิเศษ เทศกาล อาบมะเขือเทศ ก็เหมือนสงครามเล็กๆ หากไม่มีผู้ชนะก็คงไม่สนุก ห้ำหั่นกันด้วยอาวุธลูกกลม ที่สาดใส่กันด้วยรอยยิ้ม เล่นไป อาบไป กลางแม่น้ำมะเขือเทศ สุดแสนจะเป็นประโยชน์ 

การอาบน้ำที่แปลกที่สุด : Red Wine Bath

ผู้หลงใหลในไวน์ สามารถแช่กาย อาบไวน์แดง ในบ่อน้ำพุร้อน แถบ Hakone Kowakien ประเทศญี่ปุ่น ข้อดีที่สุดของการ อาบไวน์ คือ ฉ่ำกาย ฉ่ำรสไวน์ ไปพร้อมกัน เด็กอาบได้ ผู้ใหญ่อาบดี ให้ความรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ช่วยให้ผิวเนียนใส เหมือนกลับมาวัยรุ่นอีกครั้ง 

การอาบน้ำที่แปลกที่สุด : Soil Bath

การอาบดิน เป็นวัฒนธรรมที่ได้รับการนิยมมากใน Kyushu ประเทศญี่ปุ่น การนอนฝังดินนั้นช่วยขับเหงื่อออกทั่วร่างกาย เป็นการพักผ่อนทั้งภายนอกและภายใน ให้ความรู้สึกสดชื่นการอาบดิน ถือเป็นการชาร์ตพลังที่ได้ผลดีอย่างหนึ่ง 

10 ที่น่าเที่ยวในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่สวยงามและเงียบสงบไม่แพ้ที่ไหน ๆ ในโลก จึงเป็นประเทศที่ใครหลาย ๆ คนฝันอยากจะไปท่องเที่ยว เพื่อสัมผัสกับความงามของที่นี่ด้วยตาของตัวเองสักครั้งอย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นอีกคนที่สนใจอยากจะไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร ที่ไหนบ้างดี
วันนี้เรามีข้อแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับสถานที่ที่คุณควรไปเยือนมาฝาก ลองมาอ่านกันดูเลยค่ะ
1. ชมงานศิลป์ที่เมือง Basel           เมืองนี้เป็นอีกเมืองที่รวบรวมงานศิลปะสวย ๆ เอาไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะที่Fondation Beyelerที่รวบรวมภาพเขียนของศิลปินชื่อดังตั้งแต่ใอดีตหลายคน ยกตัวอย่างเช่นBacons, Monets และ Picassosนอกจากนี้ ในเมือง Basel ยังมีKunstmuseumซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ที่รวบรวมงานศิลป์สวย ๆ ทั้งแนวย้อนยุคและแบบร่วมสมัยอีกเอาไว้อีกด้วย เรียกได้ว่า ผู้ที่รักศิลปะนั้นไม่ควรพลาดเด็ดขาด
2. สัมผัสวิวแม่น้ำสวย ๆ ได้ที่นี่           สมัยนี้การจะมองหาทิวทัศน์ของแม่น้ำลำธารสวย ๆ ใสสะอาดเหมือนสมัยก่อนนั้นเป็นเรื่องที่ยากเต็มที เพราะคนไม่รู้จักรักษาสิ่งแวดล้อม ขยันทิ้งขยะลงแม่น้ำกันเป็นประจำ แถมยังได้รับมลพิษจากของเสียที่ถูกปล่อยออกมาจากโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ อีกด้วย แต่ไม่ใช่กับประเทศนี้เพราะมีการรักษาความสะอาดกันเป็นอย่างดี ทำให้น้ำในแม่น้ำที่นี่ยังคงใสสะอาด และยังมีแม่น้ำจำนวนมากกว่า 10 สาย ให้เราได้เลือกพักผ่อนหย่อนใจริมแม่น้ำได้ตามใจชอบ เช่นแม่น้ำอาเร, แม่น้ำโปและแม่น้ำไรน์ซึ่งมีความยาวมากที่สุดในประเทศ ด้วยความยาวถึง 375 กิโลเมตร
3. แวะเล่นสกีที่ Zermattเมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อย่างเมืองZermattนั้นมีจุดเด่นอยู่ที่ภูเขาMatterhornที่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นมาชมวิวที่ยอดเขา และเล่นสกีกันที่นี่ ทำให้โรงแรมในแถบนั้นมีแขกพักเต็มอยู่เสมอ จนบางครั้งก็ถึงกับต้องจองกันล่วงหน้าเป็นเวลาหลายเดือนเลยทีเดียวเพราะฉะนั้น ถ้าใครวางแผนจะไปเที่ยวที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ล่ะก็ อย่าลืมเพิ่มทริปเล่นสกีที่ Zermatt เข้าไปในโปรแกรมของคุณด้วย
4. สิ่งก่อสร้างก็โดดเด่นไม่แพ้ที่ไหน ๆ 
สถาปัตยกรรมของที่นี่ ถือว่าโดดเด่นไม่แพ้สิ่งแวดล้อมจากธรรมชาติรอบข้าง เพราะสวิตเซอร์แลนด์ขึ้นชื่อในเรื่องสิ่งก่อสร้างสวยงามค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นแบบย้อนยุคคลาสสิกที่พบได้ในแถบชานเมือง หรือแบบโมเดิร์นสมัยใหม่เก๋ ๆ ที่มีอยู่ทั่วไปในประเทศแห่งนี้เพราะฉะนั้น หากมีเวลาก็อย่าลืมลองเดินท่องเที่ยว เพื่อสำรวจและซึมซับสถาปัตยกรรมที่งดงาม เป็นเอกลักษณ์สวิตเซอร์แลนด์กันนะ
5. แหล่งรวมสปาชั้นยอด           สำหรับใครที่ต้องการจะผ่อนคลายความเมื่อยล้า หรือบำรุงผิวสวย ๆ ของตัวเอง สปาของที่นี่จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะประเทศสวิตเซอร์แลนด์ขึ้นชื่อเรื่องการทำสปากันมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ที่นี่จึงมีสปาชั้นดีให้คุณเลือกใช้บริการได้มากมาย แถมยังมีหลากหลายแบบให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นการนวดตัว หรือสปาช็อกโกแลตที่ให้คุณได้เข้าไปอาบน้ำบำรุงผิวในบ่อช็อกโกแลตซะด้วย...ว้าว!
6. Helvetia เมืองที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติ           หากคุณเป็นอีกคนที่กำลังมองหาที่พักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ และสามารถเพลิดเพลินกับความงามของธรรมชาติได้อย่างเต็มที่Helvetiaจะเป็นอีกเมืองที่คุณไม่ควรพลาด เพราะที่นั่นเป็นเมื่องที่เงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน และยังมีธรรมชาติสวยงามให้ชมอีกด้วยโดยเฉพาะที่สวนBotanical Gardenในเกาะใจกลางแม่น้ำMaggioreซึ่งรวบรวมดอกไม้นานาพันธุ์ไว้ด้วยกัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติได้เข้าชม
7. พักผ่อนริมน้ำตก Trummelbach falls 
Trummelbach fallsเป็นชื่อของน้ำตกธรรมชาติ 10 สาย อันสวยงามที่ไหลลงท่ามกลางหุบเขา ด้วยความสูงถึง 140 เมตร รับรองได้ว่าใครที่มีโอกาสได้ไปดู จะต้องประทับใจในความงดงามของมันอย่างแน่นอนทั้งนี้ หากคุณต้องการจะสัมผัสความงามของน้ำตกนี้อย่างใกล้ชิด ก็สามารถจ่ายเงินเพื่อเข้าชมน้ำตกภายในตัวภูเขาได้ ด้วยราคาเพียงแค่ 10 เหรียญเท่านั้น
8. ใกล้ชิดสัตว์ที่ Swiss National Park 
ที่นี่เป็นNational Park แห่งเดียวของประเทศสวิตเซอรแลนด์ ซึ่งให้สัตว์ได้อยู่กันตามธรรมชาติ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่ห่าง ๆ และเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้โดยสวนแห่งนี้มีขนาดใหญ่ถึง 172.3 ตารางกิโลเมตร ส่วนสัตว์ที่สามารถพบได้ที่นี่ ได้แก่ นกอินทรีทอง นกแร้งเครา แพะภูเขา ตัวมาเมิต เลียงผา และกวางเอลค์9. อิ่มอร่อยที่ Piz Gloria           Piz Gloriaเป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่บนยอดเขาSchilthornจึงเป็นแหล่งที่ผู้คนนิยมมาชมวิวของภูเขากันจากที่นี่ นอกจากนี้ร้านนี้ยังเคยเป็นสถานที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องJames Bond ภาค On Her Majesty's Secret Serviceมาก่อน จึงทำให้มีของที่ระลึกจากภาพยนตร์เรื่องนี้ขายเป็นจำนวนมาก แถมยังมีบาร์ชื่อ James Bond อยู่ภายในร้านอีกด้วย ส่วนอาหารจานเด็ดของที่นี่ ได้แก่ มันฝรั่งทอดแบบสวิส ชีสฟองดู และ สปาเก็ตตี้เจมส์ บอนด์
10. แดนสวรรค์ของคนรักช็อกโกแลต           ช็อกโกแลตของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ดังนั้นเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ไม่ควรพลาดลองช็อกโกแลตโฮมเมดตามร้านคาเฟ่ต่าง ๆ เด็ดขาด นอกจากนี้ คุณยังควรแวะชมพิพิธพัณฑ์Museo Storico Di Blenioซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมศิลปะต่าง ๆ รวมถึงเรื่องราวเกี่ยวกับช็อกโกแลตตั้งแต่สัยโบราณเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องผลิต รูปภาพ และโฆษณาช็อคโกแลตในสมัยก่อนอีกด้วย          

อย่างไรก็ตาม นอกจาก 10 ข้อที่กล่าวมานี้ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ยังมีสถานที่น่าเที่ยวและกิจกรรมที่น่าทำอีกมาก ให้คุณได้ไปลองสัมผัสด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้น ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเยือน ควรวางแผนโปรแกรมที่จะทำก่อนที่จะไปให้ดี เพื่อให้คุณสามารถเที่ยวได้ครบทุกที่อย่างคุ้มค่า

วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2557

ความจริงบางประการของนักเรียนมอปลาย

ความจริงบางประการของเด็กมอปลาย
1.เมื่อตอนม.ต้นหวังจะเข้าสาย วิทย์-คณิตฯ คิดว่า เรียนเคมี ฟิสิกส์ ท่องสูตรได้ จำตารางธาตุได้ จะเท่ห์ แต่เมื่อได้เรียนสายนี้ดั่งที่หวัง ความรู้สึก "กูมาเรียนผิดสายรึเปล่า" ก็จะเริ่มบังเกิดขึ้น
2.นักเรียน 98% เกลียดเรื่อง ตรีโกณมิติ
3.อย่าหวังจะได้เรียนวิชาต่อไปเต็มชั่วโมง ถ้าคาบนี้เป็นวิชาเคมี
4.เชื่อได้เลยว่าหลายๆคนได้เกรดวิชาฟิสิกส์ไม่เคยเกิน2.5
5.คาบว่าง กับใต้โต๊ะ เป็นโอกาสเดียวที่จะปั่นการบ้าน
6.มีใครบอกเราได้บ้างว่า ที่เราคำนวณคณิตฯกันทุกๆ วัน  เรื่องไหนบ้าง ที่เราเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน
7.บ่นว่างานเยอะเพราะมัวแต่นั่งตี DotA
8.นัดกันหยุดยกห้องเพราะพรุ่งนี้ครูวิชาสำคัญๆ ไม่มา
9.ครูหมวดวิทย์เห็นแก่ตัวที่สุด
10.เวลาว่างของนักเรียนม.ปลายสายวิทย์-คณิตฯส่วนใหญ่ หมดไปกับการ วิ่งสอบเคมี ฟิสิกส์ ชีวะ
11.เรียนเสร็จก่อนหมดชั่วโมงประมาณ 20 นาที ถ้าเจอ JAKPOT คุณจะได้ยินคำว่า "เอ้า  แยกโต๊ะ สอบบบ"
12.วันไหนเรียนอังกฤษกับครูต่างชาติ คุณจะยืดเวลาให้เข้าเรียนช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้แม้ชั่วโมงนี้จะเรียน ฟิสิกส์คำนวณแสนสนุก (เหรอ!!!)
13.ม.ปลายมีวิชาคอมที่สอนให้เด็กพิมพ์ตามเนื้อหา "เทคโนโลยีสารสนเทศ" สุดแสนจะน่าเบื่อ
14.ทุกคนสนุกที่จะใส่จินตนาการลงไปตกแต่งใบงานมากกว่าจะวาดรูปส่งครูศิลปะ
15.ครูหลายคนพยายามจะทำให้วิชานี้เป็นวิชาประกวดใบงานสวยงาม  ครูบางคนถึงขั้นให้คะแนนใบงานสวยงามโดยไม่ลืมหูลืมตาดูเนื้อหาในใบงาน
16.ในขณะที่วิชาศิลปะห่วยแตก 
17.และแน่นอน วิชาพละที่นักเรียนชายชอบนักหนา ยังเป็นวิชาที่นักเรียนหญิงหลายคนไม่เอาไหนอยู่เหมือนเคย

10 แอพฯที่คนใช้มากที่สุดในโลก

เผย 10 อันดับแอพพลิเคชั่นที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั่วโลกนิยมใช้กันมากและบ่อยที่สุดในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา          เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mashable ได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัย Statista สำรวจและเก็บสถิติการใช้งานแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนทุกระบบปฏิบัติการทั่วโลกในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา เพื่อจัดอันดับ 10 แอพฯ ที่ว่ามีผู้ใช้งานมากและบ่อยที่สุด และได้ผลออกมาว่าแอพฯ ที่มีคนทั่วโลกใช้มากที่สุดก็คือ Google Mapsแอพฯ แผนที่สารพัดประโยชน์ของกูเกิลนั่นเอง โดยมีอัตราส่วน 54% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนจากทั่วโลกที่ใช้แอพฯ นี้ ส่วนอันดับรองลงมาก็คือ Facebook และ YouTube ด้วยอัตราส่วน 44% และ 35% ตามลำดับ สำหรับอันดับอื่น ๆ ทั้งหมดนั้นมีดังนี้           
 1. Google Maps - 54%          
 2. Facebook - 44%           
 3. YouTube - 35%           
 4. Google+ - 30%           
 5. Weixin/WeChat - 27%         
 6. Twitter - 22%            
7. Skype - 22%          
 8. Fb. Messenger -22%          
 9. Whatsapp - 17%         
 10. Instagram - 11%        
  ทั้งนี้ จากสถิติดังกล่าวทำให้เห็นได้ว่า ความนิยมในการใช้งานแอพพลิเคชั่นของแต่ละประเทศค่อนข้างต่างกันพอสมควร ซึ่งถ้าหากเป็นอันดับของประเทศไทยนั้น คาดว่าน่าจะมี Facebook, Instagram และ LINE นำมาเป็นอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน แต่เมื่อเก็บสถิติจากผู้ใช้ทั้งโลกแล้วจะพบว่าผู้ใช้ในประเทศอื่น ๆ นั้นนิยมใช้ Google+, WeChat และ Whatsapp กันมากกว่าประเทศไทยอยู่พอสมควรเลยทีเดียว