วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

10 สถานที่ที่ไม่ควรเข้าไปเหยียบ

อันดับที่ 10 Centralia, Pennsylvania





คุณเคยดูภาพยนตร์เรื่อง Silent Hill (เมืองห่าผี) ไหมครับ หนังสิ่งที่หลายคนมักจดจำเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือฉากเมืองที่มีหมอกหรือ ควันอะไรสักอย่างปกคลุมจนมองข้างหน้าไม่เห็น หลายคนเห็นเมืองแบบนี้แล้วน่ากลัวไม่อยากจะไปเลย 

หากแต่คุณเชื่อหรือไม่ว่า บนโลกแห่งนี้มีเมืองลักษณะแบบนี้อยู่ เมืองนี้มีชื่อว่า เซ็นทราเลีย รัฐเพนซิลวาเนีย 

สมัยก่อนเมืองแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุตสาหกรรมเหมืองถ่านหิน มีทั้งสถานีรถไฟ โบสถ์ โรงแรมห้าดาว โรงเรียน โรงละคร ธนาคาร ไปรษณีย์ และร้านค้าทั่วไป แต่แล้วในปี 1962 ได้ เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ใหญ่ในเมืองนี้ขึ้น โดยต้นเพลิงมาจากมีคนจุดไฟเผาขยะทิ้งไว้ในบ่อของเหมือง จากนั้นไฟได้ติดถ่านหิน และขยายวงกว้างจนคลุมพื้นที่ใต้ดินของบ้านเรือนทั้งหมด ไฟได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แม้มีการพยายามใช้เงินนับล้านในการดับไฟ แต่ก็ไม่เป็นผล และมันก็ยังไหม้อยู่จนทุกวันนี้ (นานกว่า 40 ปีเข้าไปแล้ว) หลายคนได้รับพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ ทั้งในอากาศและการปนเปื้อน รวมถึงการเกิดเหตุดินยุบลึกลงไปเป็นร้อยฟุต จนทางการต้องหาที่อยู่ใหม่แก่ชาวเมือง 

แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีบางครอบครัวเลือกที่จะอยู่ต่อ และพวกเขาก็ยังอยู่ที่นั่น แม้ว่ารัฐเพนซิลวาเนียจะประกาศห้ามใช้ตึกทุกหลังในเมืองนั้น และกรมไปรษณีย์สหรัฐได้ยกเลิกรหัสพื้นที่ของที่นั่นก็ตาม ในปี 1981 เซ็นทราเลียมีผู้คนอาศัยอยู่ถึง 1,000 ครัวเรือน แต่ปัจจุบันจำนวนลดจนแทบนับจำนวนคนได้ 


อันดับที่ 9 Dallol





บางทีสถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นสถานที่สวยงามที่สุดใน 10 อันดับของเรา เพราะว่าดูจากภาพเราได้เห็นทิวทัศน์ที่แปลกตา มีสีสันมากมายไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง สีส้ม สีเขียว หรือสีแดง ซึ่ง เกิดจากเกลือร้อนๆ เดือดปุดๆ เป็นสถานที่ที่อยู่ทางเหนือของเอธิโอเปีย ในระดับสูง 50 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นพื้นที่เมืองผี (หมายถึงเมืองร้าง) สาเหตุพื้นที่แห่งนั้นใกล้ภูเขาไฟ ทำให้อุณหภูมิในพื้นที่นั่นร้อนเกินไป ไม่เหมาะจะเป็นสถานที่อยู่อาศัย 

นอกจากนี้สถานที่แห่งนี้ยังถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ห่างไกลที่สุดในโลก ถนนก็ไม่มี การขนส่งต้องไปทางบกโดยใช้อูฐของคาราวาลเท่านั้นเพื่อไปเก็บเกลือซึ่งมีอยู่ เต็มในบริเวณนั้น แม้ครั้งหนึ่งที่แห่งนี้เคยมีรางรถไฟหากแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มันก็ถูกปิดตัวลงเนื่องจากมีเส้นทางการค้าที่ดีกว่ามาทดแทน 

ส่วนสาเหตุสถานที่แห่งนี้ไม่ควรไปเนื่องจากมันตั้งอยู่ใกล้ชายแดนที่มีความ ขัดแย้ง ในหลายปีที่ผ่านมานักท่องเที่ยวที่พยายามจะเป็นสถานที่แห่งนี้มักถูกกลุ่ม โจรทำอันตรายอยู่บ่อยครั้ง แต่หากคุณอยากจะไปเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้จริงๆ คุณจำเป็นต้องมียานพาหนะติดอาวุธไปด้วย 


อันดับที่ 8 Hanford Site





แฮนฟอร์ด สถานที่แห่งนี้อยู่ในภาคใต้ของวอชิงตัน อเมริกาอดีตเคยเป็นชุมชนเกษตรกรรมขนาดเล็ก ก่อนที่ในปี 1943 พื้นที่แห่งนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในโครงการแมนฮัตตัน ในการผลิตพลูโตเนียมเพื่อใช้ในโรงงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในสมัยสงคราม โลกครั้งที่ 2 และในช่วงสงครามเย็น และเนื่องด้วยผลิตพลูโตเนียมมากเกินไป ทำให้ของเสียกากกัมตภาพรังสีออกมามีจำนวนมากจนทางรัฐบาลไม่มีแผนจะจัดการสาร ดังกล่าว จนเป็นเหตุทำให้พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยการปนเปื้อนกากกัมตภาพรังสีและปน เปื้อนระบบนิเวศในอากาศ ทำให้มีประชาชนพื้นที่แห่งนี้ได้รับสารก่อมะเร็งและสารพิษหลายราย 


อันดับที่ 7 Dzerzhinsk





เมืองเดอร์ซินสค์ เป็นเมืองที่อยู่ในรัสเซีย ตั้งอยู่บนแม่น้ำ Oka อยู่ไม่ไกลจากทางตะวันออกของกรุงมอสโกประมาณ 400 กิโลเมตร เมืองนี้ก่อตั้งเมื่อปี 1920 ตามนายเฟลิกซ์ เซียรชินสค์ หัวหน้าหน่วยเคจีบีคนแรก (ในสมัยก่อนเรียกหน่วยนี้ว่า หน่วย เชก้า ) 

จุดเริ่มต้นที่เมืองนี้กลายเป็นสถานที่น่ากลัวเริ่มขึ้นเมื่อปี 1941 (จนถึงปัจจุบัน) โดยปี 1941 ก่อนจะถึงในสมัยสงครามเย็นนั้นเมืองแห่งนี้ได้กำหนดเป็นแหล่งผลิตอาวุธเคมี ชั้นนำของประเทศ ซึ่งอาวุธเคมีที่ว่าล้วนเป็นพิษและอันตรายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นไดออกซิน , สารหนู, ซาริน , เลวิไซต์ , ซัลเฟอร์มัสตาร์ด , ไฮโดรเจนไซยาไนด์ , ฟอสจีน และตะกั่ว รวมทั้งอินทรีย์เคมีอื่นๆ จนกระทั้งมีการหยุดผลิตสารพิษนี้ลง ก็ถึงคราวเกิดปัญหาเมื่อทางรัฐบาลไม่รู้จะจัดการสารพิษจำนวนมากนี้ได้อย่าง ไร ทำให้มีการจัดการแบบง่ายๆ คือเอาไปฝังดินหรือทิ้งลงแม่น้ำ ส่งผลทำให้มีสารตกค้างจนถึงทุกวันนี้ และประชากรนั้นเมืองนี้ป่วยและตายด้วยสารพิษตกค้างเพิ่มขึ้นทุกปี 

ปัจจุบันเมืองแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางผลิตสารเคมีและได้ถูกระบุว่ามีระดับ มลภาวะที่เลวร้ายที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง น้ำประปาปนเปื้อน สารเคมีตกค้าง และเมืองแห่งนี้ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากภายนอกเข้าชม 


อันดับที่ 6 Dharavi





เป็นสลัมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย อยู่ในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดียที่หลายๆ เว็บบอกว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เจาะลึกสภาพชีวิตของอินเดีย ชนิดที่เรียกว่าไม่ไปสถานที่แห่งนี้แสดงว่าคุณไม่ไปถึงอินเดียที่แท้จริง (ว่าไปนั้น อันนี้ผมเขียนเองน่ะ อย่าไปเชื่อ) 

สาเหตุที่ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ก็เพราะว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งทำเครื่องปั้นดินเผาและอุตสาหกรรมสิ่งทอ ส่วนสาเหตุที่แออัดก็ง่ายมากอินเดียเป็นประเทศที่ประชากรมากอันดับต้นๆ ของโลก แต่คุณภาพชีวิตประชาชนต่ำ ดังนั้นพวกเขาเลยแห่ไปยังเมืองหลวงเพื่อหางานทำ แต่ว่าเมืองมุมไบที่กินที่อยู่แพงเหลือเกิน ดังนั้นสลัมจึงเป็นทางเลือกที่ดี โดยค่าเช่าคิดเพียง 185 รูปี(4 เหรียญสหรัฐ) ต่อเดือนเท่านั้น 

Dharavi เป็นพื้นที่สลัมที่มีประชากรเกินกว่าหนึ่งล้านคน แออัดในพื้นที่ 2.2 ตร.กม. สภาพแวดล้อมที่นั้นสกปรกและแออัดอย่างร้ายกาจ อีกทั้งผู้คนในที่แห่งนี้ดูแล้วไม่เป็นมิตร บรรยากาศเหมือนบอกว่านี้ไม่ใช่สถานที่ที่นักท่องเที่ยวมาเดินน่ะเฟ้ย พื้นที่ส่วนใหญ่รถเข้ามาไม่ได้ ระบบระบายน้ำก็ดีมากชนิดว่าฝนตกเมื่อไหร่น้ำท่วมเมื่อนั้น 

และปี 2006 มีสถิติน่าสนใจคือห้องน้ำสาธารณะในพื้นที่แห่งนี้หนึ่งห้องต้องรองรับคนกว่า 1440 คนต่อวัน(คงไม่ต้องถามว่าสกปรกไหม) ผลคือเมืองแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยปัสสาวะและสิ่งปฏิกูลต่างๆ นำไปสู่การแพร่ระบาดของโรคติดต่อ และพื้นที่แห่งนี้ได้ปรากฏในภาพยนตร์เรื่อง Slumdog (2008) ด้วยน่ะ 


อันดับที่ 5 Linfen





เมืองเทียนหยิง อยู่ในมณฑลอานฮุย ทางภาคใต้ของสาธารณรัฐ ประชาชนจีน เมืองแห่งนี้มีประชากรกว่า 4.2 ล้านคน และเมืองแห่งถูกอ้างเสมอว่าเป็นเมืองที่สกปรกที่สุดในโลก โดยมลพิษแห่งนี้ปกคลุมอยู่ทั่วเมืองเสมือนหมอกควัน 

สาเหตุมลพิษเหล่านั้นมา จากการเผาไหม้ของถ่านหินโรงงานไฟฟ้า และโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีขั้นต่ำที่ผิดกฎหมายมาใช้ในการผลิตแม้ว่าเมืองแห่งนี้จะถูกกดดันจากสื่อและหน่วยงานด้านแวดล้อมแล้วก็ตาม แต่กระนั้นจนถึงปัจจุบันเมืองแห่งนี้ก็ยังคงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมลพิษสาร ตะกั่วและโลหะหนักเหมือนเดิม 

ชาวจีนที่อาศัยอยู่ที่นี้จะต้องถูกบังคับให้สวมหน้ากากป้องกันจมูกตลอดวัน มีรายงานว่าบางวันควันปกคลุมหนาแน่นมากจนมีบางเวลาที่คุณไม่เห็นมือของตนเอง เวลาจะสัญจรด้วยรถจะต้องเปิดไฟตลอดเวลา และเด็กในเมืองนี้ป่วยเพราะสารพิษนี้เพิ่มขึ้นทุกปี 


อันดับที่ 4 Room 39





เกาหลีเหนือ แน่นอนมันกลายเป็นสถานที่ที่คุณไม่อยากจะ ไปอีกแห่งของโลก ซึ่งเราไม่แนะนำให้คุณวางแผนไปท่องเที่ยวประเทศนี้ในวันหยุดแน่นอน ส่วนชื่อห้อง 39 นั้นเป็นชื่อสำนักงาน หรือหน่วยงานลับที่คาดว่าที่ทำการอยู่ที่เปียงยาง เกาหลีเหนือ ก่อตั้งในปี 1970 โดยมีวัตถุประสงค์ในการรักษาเงินและเพิ่มเงินในกระเป๋าของท่านผู้นำคิม จอง อิล (เจ้าประจำ) 

โดยอย่างที่รู้กันว่าประเทศเกาหลีเหนือเป็นประเทศสันโดษ ความเป็นอยู่ในสภาพอดอยาก ประชาชนเป็นอยู่อย่างยากแค้น ทำให้ไม่เกิดการพัฒนาหลายด้าน ทำให้ท่านผู้นำไม่สามารถหาเงินหรือใช้เงินได้สะดวก ดังนั้นองค์กรนี้จึงได้ตั้งขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ โดยคาดว่าเงินในกระเป๋าของผู้นำนี้มีเงินกว่า 5,000,000,000 ดอลลาร์ องค์กรนี้จะทำวิธีไหนก็ได้เพื่อรักษาเงินหรือเพิ่มเงินให้ดีที่สุด เช่น ฟอกเงิน ตั้งกองทุนปลอม ปลอมแปลงเงิน ทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น ค้าอาวุธ ลักลอบขนยาเสพย์ติด และนอกจากนี้องค์กรนี้ยังมีอำนาจในการใช้เงินเพื่อสนับสนุนทางการเมืองและ สร้างอาวุธนิวเคลียร์ 


อันดับที่ 3 Mogadishu





เป็นเมืองหลวง และใหญ่ที่สุดในโซมาเลีย ซึ่งเป็นประเทศแอฟริกาตะวันออก มีภูมิประเทศติดกับชายฝั่งทะเลในมหาสมุทรอินเดียที่ทำหน้าที่เป็นเมืองท่า สำคัญมานานหลายศตวรรษ 

หากแต่ในปี 1990 เมืองแห่งนี้ได้กลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนบัดดล เมื่อกองกำลังกบฏที่นำโดยผู้นำทัพ โมฮาหมัด ฟาราห์ ไอดิค (Mohamed Farrah Aidid) ยึดเมืองเป็นฐานที่มั่น ส่งผลให้บ้านเมืองไม่มีกฎหมาย ประชากรอดอยาก สหประชาชาติและอเมริกาเข้ามาแก้ปัญหาจนเกิดสงครามกลางเมือง 

ทุกวันนี้โซมาเลียกลายเป็นพื้นที่หนึ่งที่มีเสถียรภาพน้อยที่สุดในโลก เพราะประเทศนี้ไม่มีรัฐบาลที่เป็นที่ยอมรับ ประชาชนอดอยากขาดโปรตีน ถนนหลายสายชำรุด อาคารหลายหลังถูกทำลายเนื่องจากโดนระเบิดใจกลางเมือง โจรสลัดระบาดโจมตีเรือที่ผ่านบริเวณนี้ทุกปี กองโจรมุสลิมปกครองด้วยกฎหมายศาลเตี้ย นอกจากนี้ยังมีการระเบิดฆ่าตัวตาย จนมีประกาศว่านักท่องเที่ยวที่จะมาประเทศโซมาเลียให้เว้นระยะห่างจากเมืองหลวง (จะไปทำไมเนี้ย) 


อันดับที่ 2 Cite Soleil





เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นตั้งอยู่ในเขตเมืองไฮติ มีการประเมินว่ามีคนกว่า 200,000 -300,000 คนอาศัยในพื้นที่แห่งนี้ และนี้คือสถานที่แออัดที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และยังเป็นหนึ่งในสถานที่อันตรายของโลก มันไม่มีท่อระบายน้ำ ไม่มีร้านค้าใดๆ ไม่มีตำรวจ หรือไฟฟ้า 

หลังจากเกิดรัฐประหารในปี 1991 ประชาชนถูกเข้าสู่วงจรแห่งความยากจน ความว่างงานอยู่ในอัตราสูง ประชากรไม่รู้หนังสือ นอกจากนี้ยังเกิดสภาวะแก๊งติดอาวุธครองเมือง ในปี 2004 เจ้าหน้าที่สหประชาชาติพยายามควบคุมพื้นที่หากแต่มันก็ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ 

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2010 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ของไฮติ ส่งผลทำให้ประชาชนกว่า 230,000 ล้านคน 230,000 คนเสียชีวิต และประชากรไฮติกว่าหนึ่งล้านคนไม่มีที่อยู่อาศัย ทำให้สถานที่สลัมแห่งนี้ยิ่งทวีความเลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก เกิดอาชญากรรม แก๊งติดอาวุธเริ่มออกอาละวาดทั้งลักพาตัวปล้นจี้ ผู้คนส่วนใหญ่ในสลัมส่วนมากเป็นเด็กและเยาวชน และมีไม่กี่คนที่รอดจนถึงอายุ 50 ส่วนมากเสียชีวิตเพราะโรคเอดส์ โรคร้าย หรือความรุนแรง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งค้ามนุษย์ สมาชิกก่อการร้าย นักโทษหนีจากคุก มันเป็นสถานทีน่ากลัวมากขนาดตำรวจไฮติยังไม่กล้าเข้าไปในนั้น 



อันดับที่ 1 Orangi Town





เมืองแห่งนี้เป็นที่ตั้งถิ่นที่อยู่อาศัยของผู้อพยพใน ตะวันตกเฉียงเหนือของการาจี ประเทศปากีสถาน มันมีขนาดใหญ่กว่าสลัมในเมืองมุมไบ แต่มีความหนาแน่นน้อยกว่า และองค์ประกอบหลายส่วนไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่านี้คือสลัม (เพราะส่วนใหญ่คนที่อยู่อาศัยเป็นชนชั้นกลาง) 

ประชากรที่นี้ มีประมาณ 2.5 ล้านคน (แม้ทางภาครัฐจะบอกว่า 200,000 คน) เป็นมุสลิมกับชนกลุ่มน้อยจำนวนมากหลากหลายวัฒนธรรม ส่งผลให้เมืองแห่งนี้ประสบปัญหาความขัดแย้งชาติพันธุ์ 

แม้ว่าจะมีโครงการนำร่องในการให้ความรู้และการพัฒนาสร้างท่อส่งน้ำ ถนน และคลีนิก แต่อย่างไรก็ดีหลังจากสงครามอัฟกานิสถาน ทำให้มีผู้อพยพมาจำนวนมาก ความรุนแรงของสองเชื้อชาติ(ปากีสและอัฟกัน) ธุรกิจจำนวนมากปิดตัวลง ถนนถูกทิ้งร้าง ผู้คนต้องอาศัยอยู่แต่ในบ้านความรุนแรง การข่มขืน เหตุระเบิดฆ่าตัวตาย ลักพาตัว และการสังหารกลายเป็นเรื่องปกติของที่นี้ ส่งผลให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่อันตรายที่สุดของโลกในที่สุด 

วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พิธีที่ศักดิ์สิทธ์ของศาสนาคริส

พิธีรับศีลศักดิ์สิทธิ์
พิธีกรรมในศาสนานี้ มีสำคัญๆอยู่ 7 พิธี เรียกว่า “พิธีรับศีลศักดิ์สิทธิ์”

ศีลล้างบาปหรือการรับบัพติสมา ศีลอภัยบาป ศีลมหาสนิท ศีลกำลัง ศีลสมรส ศีลบวช ศีลเจิมคนไข้

ศีลล้างบาปหรือการรับบัพติสมา

•ศีลล้างบาปหรือการรับบัพติสมา เป็นพิธีแรกที่คริสตชนต้องรับ โดยบาทหลวงจะใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์เทลงบนศีรษะพร้อมเจิมน้ำมันคริสมาที่หน้าผาก


ศีลอภัยบาป

•ศีลอภัยบาป เป็นการสารภาพบาปกับพระเจ้าโดยผ่านบาทหลวง บาทหลวงจะเป็นผู้ตักเตือนสั่งสอนไม่ให้ทำบาปนั้นอีก และทำการอภัยบาปให้ในนามพระเจ้า

ศีลมหาสนิท

•ศีลมหาสนิท เป็นพิธีกรรมรับศีลโดยรับขนมปังและเหล้าองุ่นมารับประทาน โดยความเชื่อว่าพระกายและพระโลหิตของพระเยซู

ศีลกำลัง

•ศีลกำลัง เป็นพิธีรับศีลโดยการเจิมหน้าผาก เพื่อยืนยันความเชื่อว่าจะนับถือศาสนาคริสต์ตลอดไปและได้รับพระพรของพระจิตเจ้า ทำให้เข้มแข็งในความเชื่อมากขึ้น

ศีลสมรส

ศีลสมรส เป็นพิธีประกอบการแต่งงาน โดยบาทหลวงเป็นพยาน เป็นการแสดงความสัมพันธ์ว่าจะรักกันจนกว่าชีวิตจะหา

ศีลบวช

ศีลบวช สงวนไว้เฉพาะผู้ที่จะบวชเป็นบาทหลวงและเป็นชายเท่านั้น

ศีลเจิมคนไข้

ศีลเจิมคนไข้ เป็นพิธีเจิมคนไข้โดยบาทหลวงจะเจิมน้ำมันลงบนหน้าผากและมือทั้งสองข้างของผู้ป่วย ให้ระลึกว่าพระเจ้าจะอยู่กับตนและให้พลังบรรเทาอาการเจ็บป่วย


วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ความหมายของสีแต่ละสี

สีแดง
คือสีแห่งความเป็นมงคลของชาวจีน เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุไฟ ความโดดเด่นของสีแดงคือความสว่างไสวในยามมืดมิด คือความอบอุ่นในยามหนาว เป็นไฟที่ลุกโชน คือ ความรุ่งเรืองโชตช่วง พลังอำนาจ ความร้อนแรงของไฟสามารถเผาผลาญ ความชั่วร้ายหรือสิ่งที่ไม่ต้องการให้มอดใหม้ไป ดังนั้นสีแดงคือตัวแทนในการถ่ายทอดคุณลักษณะของไฟ เมื่อใดที่ต้องการ ความเป็นมงคล หรือต้องการเพิ่มพลังอำนาจ ให้กับตนเองก็มักเลือกสีแดงมาใช้ในทางจิตวิทยา สีแดงมีผลกระทบต่อจิตใจและอารมณ์ กระตุ้นให้เกิดความสดใส มีพลังทำให้ตื่นตัวอยู่เสมอ 
หรืออาจจะหมายถึงการเตือนภัย เมื่อเปรียบเทียบในทาง ฮวงจุ้ย ก็จะพบกับความพ้องกันหลายประการอารมณ์แจ่มใสและจิตใจที่กระตือรือล้น ย่อมส่งผลดีต่อการสร้างสรรค์ใน การทำงาน ความเป็นมงคลจึงน่าจะเริ่มจากการที่ตนเองเต็มไปด้วยพลังในการทำงานนั่นเอง เมื่อสามารถปฎิบัติหน้าที่การงานได้ สำเร็จลุล่วงแล้ว ความเจริญรุ่งเรืองก็จะตาม
มาอีกประการหนึ่งที่น่าสนใจความเชื่อเฉพาะกลุ่ม ชาวจีนมีความผูกพันกับสีแดงในแง่ดี มาตั้งแต่เริ่มแรก ดังนั้นสีแดง จึงสื่อถึง ความเป็นมงคล และรุ่งเรือง ฮวงจุ้ย ไม่ได้ให้ความสำคัญ กับการเตือนภัยเช่นเดียวกับ จิตวิทยาสีแต่จะเน้นเรื่องการป้องกันกระแส ชี่ร้านที่อาจเข้ามาบั่นทอน ทำลาย มากกว่าโดยมีความเชื่อว่า ด้วยพลังอำนาจของสีแดงสามารถป้องกันภัยจากสิ่งชั่วร้ายได้

สีเหลือง 
เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุดิน ซึ่งหมายถึง ความเป็นปึกแผ่นมั่นคง ทั้งในแง่ของอารมณ์ความรู้สึกและชีวิตความเป็นอยู่ ความเจริญรุ่งเรือง เป็นเครื่องหมายของ จักรพรรดิ ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งฟ้า เป็นอำนาจที่ควบคุมแผ่นดินซึ่งจะสังเกต ได้ว่ากษัตริย์จีน จะแต่งองค์ด้วยชุดสีเหลือง และมีสีทองเป็นส่วนประกอบในทางจิตวิทยา สีบอกถึงความบริบูรณ์ กระปรี้กระเปล่า พลังแห่งความหวัง ความสดชื่น รื่นเริงบันเทิงใจและเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ ความหมายในเชิงของ ฮวงจุ้ย ก็พอจะทำให้เห็นว่าความสดชื่นรื่นเริง ความหวังเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา เมื่อประชาชนรักในกษัตริย์ของตนเอง จึงต้องการให้สิ่งดีๆเกิดขึ้นกับบุคคลที่ตนรักเช่นกัน ต่างกันตรงที่สีเหลืองในทางฮวงจุ้ย เป็นสิ่งที่สูงส่งห้ามใช้ในบางกรณี เพราะต้องสงวนให้กษัตริย์เท่านั้น

สีเขียว 
เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุไม้ ซึ่งมีความหมายเกี่ยวะเนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เจริญงอกงามนำความรุ่งเรืองสดใสมาสู่กระแสชี่ที่ไหลเวียนอยู่โดยรอบในทางจิตวิทยา สีเขียวเป็นสีของธรรมชาติ ความอุดมสมบูรณ์เมื่อมองดูจะให้ความรู้สึกสดชื่นของธรรมชาติ ดูเหมือนว่าสีเขียวจะแทนธรรมชาติที่ดีๆโดยรวม สีเขียวช่วยบำบัดความเคร่งเครียดได้ไม่ว่าจะเป็นการประดับตกแต่งสถานที่ด้วยต้นไม้ก็จะส่งผลไม่ต่างกัน 

สีม่วง 
และสีที่อยู่ในโทนม่วงทั้งหมดนั้นมีความเป็นมงคลใกล้เคียงกับสีแดงอาจจะน้อยกว่าหรือมากกว่าขึ้นอยู่กับความเชื่อ ของแต่ละชุมชน ซึ่งเชื่อว่าสีม่วงดูทรงพลังและ หนักแน่นมากกว่าสีแดง ถึงกระนั้นสีม่วงก็ยังไม่สูงส่งเท่ากับสีเหลือง หรือสีทองเพราะชนชั้นที่นำ เอาสีม่วงไปใช้นั้นเพียงผู้มีอำนาจเท่านั้น จุดประสงค์ที่นำเอาสีม่วงมาใช้ เพื่อเสริมให้เกิดความมั่งคั่งบริบูรณ์ เพิ่มอำนาจวาสนามากยิ่งขึ้นนั่นเองในทางจิตวิทยา สีม่วงหมายถึงความหดหู่ เศร้าโศก ส่วนสีม่วงที่มีความเข้มลดลงมาบ่งบอกถึงความลึกลับ อำนาจแห่งเสน่ห์ ซึ่งแตกต่างกับ ทางฮวงจุ้ย ถึงแม้ว่า ฮวงจุ้ยจะยกย่องสีม่วงเป็นสีแห่งมงคล โชคลาภและอำนาจ ก็ตาม แต่ก็เป็นอำนาจโดยรวม ไม่ใช่อำนาจที่เกิดจากเสน่ห์ เหมือนกับจิตวิทยาสี อาจเป็นไปได้ว่า จิตวิทยาสีเป็น การกำหนดและวิเคราะห์โดยชาวตะวันตก ดังนั้นจึงเป็นความเห็นความรู้สึกของชน กลุ่มหนึ่งที่รู้สึกต่อสีม่วง แต่ กระนั้นก็ตาม สิ่งที่ชนทั้งสองซีกโลกรู้สึกได้เหมือนกันก็คือ พลังอำนาจจากสีม่วงแม้ว่าที่มาของอำนาจจะแตกต่างกันก็ตามที 

สีดำ 
เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุน้ำ ทำให้มีคุณสมบัติลึกลับไม่แน่นอนแต่สามารถอยู่หลอมรวมกับทุกสิ่งได้มีทั้งพลังอำนาจและความอ่อนไหวไปพร้อมๆกัน ให้ทั้ง คุณประโยชน์มากมาย และยังสามารถนำมาซึ่งภัยพิบัติที่ยากจะประเมินค่าได้ดังนั้น สีดำจึงหมายถึงความคลุมเครือไม่แน่นอนเช่นเดียวกับกระแสน้ำ หมายถึงความลึกล้ำที่ยากจะหยั่งถึง ในทางจิตวิทยา สีดำเป็นสีที่เร้นลับ เคร่งขรึม โศกเศร้า ในกรณีของความลึกลับซับซ้อนนั้นไม่ใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของผู้คนนัก และเหตุที่ความลึกของ สายน้ำเป็นสิ่งที่ลึกล้ำเกินหยั่ง ดังนั้น ฮวงจุ้ย จึงได้นำเอาสีดำมา
เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุน้ำ ถึงแม้ว่าสีดำจะให้ความรู้สึกลึกล้ำยาก เกินหยั่ง แต่อีกแง่หนึ่งก็ให้ความ รู้สึกสงบนิ่ง ซึ่งเป็นคุณสมบัติของสายน้ำนั่นเอง 

สีเทา
สีเทาเป็นส่วนผสมระหว่างสีดำและสีขาว ซึ่งทำให้มันไม่สามารถหาเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้ด้วยเหตุนี้ จึงแทนความหมายความ ไม่ชัดเจน และเหตุที่มันมีสีเดียวกับเมฆฝน จึงทำให้สีเทามีความหมายไปทางหม่นหมองหดหู่สิ้นหวังดังคำกล่าว ที่ว่าเมฆฝนเปรียบได้กับช่วงชีวิตที่เต็มไปด้วย อุปสรรคและปัญหา ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่เมฆฝน ลอยผ่านพ้นไปจากชีวิตแต่ว่ายังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่เชื่อว่าสีเทายังมีแง่ดีอยู่บ้าง นั่นคือความสงบและความสมดุลย์ ด้วยว่ามันเป็นส่วนผสมของ ขาวและดำที่เท่ากันในทางจิตวิทยา หมายถึงความสงบนิ่งและเดียวดาย จะตรงกันกับ ฮวงจุ้ย ก็คือความสงบ อาจจะเพราะสีเทามีความเป็นกลาง การเพ่งมองสีอ่อนนานๆ ทำให้จิตใจสงบ

สีน้ำตาล 
เป็นสีแทนความอบอุ่นมั่นคงไปด้วยหลักทรัพย์ เป็นสีเดียวกับต้นไม้ขนาดใหญ่ บ่งบอกถึง อดีตอันยาวนาน และประสบการณ์ที่ผ่านมา ดังนั้น มันจึงกลายเป็น สัญลักษณ์ของผู้สูงอายุตามไปด้วย ความสุขุมเยือกเย็นยังเป็นเอกลักษณ์ของสีน้ำตาลด้วยเช่นกันในทางจิตวิทยา สีน้ำตาลทำให้รู้สึกแห้งแล้ง ความเห็นพ้องระหว่าง ฮวงจุ้ย กับจิตวิทยาคือความอบอุ่นหากนำสีที่เพิ่ม
ความสดใส ในสัดส่วนที่เหมาะสม ก็จะได้ความ อบอุ่นมั่นคงสามารถลดความแห้งแล้งได้

สีส้ม 
สีส้มเป็นสีที่เดียวกับสีน้ำผึ้ง เพราะได้รวมเอาสีแดงคือความรุ่งโรจน์ พลังอำนาจและความเป็นมงคลและความมั่งคั่งความหวังรุ่งเรืองของสีเหลืองในทางจิตวิทยา หมายถึงการฟื้นตัวและพลังชีวิตเพราะว่าสีส้มรวมเอาสีแดงและเหลืองไว้ด้วยกันให้ความรู้สึกในแง่ดี

สีชมพู 
คือความสดใสบริสุทธิ์ของวัยสาว ความรักอันบริสุทธ์ ความเบิดบาน ความคิดและจิตวิญญาณที่ปราศจากจริตมายาในทางจิตวิทยา สีชมพูบอกถึงความละมุนละไมความอ่อนเยาว์สดใส ซึ่งพิจารณาดูแล้วสอดคล้องกับสิ่งที่ ฮวงจุ้ย ได้บอกไว้เช่นกัน ด้วยคุณลักษณะของสีชมพูคงไม่มีใคร ปฎิเสธถึงความอ่อนหวานน่ารัก แม่ส่วนมากมักเลือกเสื้อผ้าเครื่องใช้ รวมถึงตกแต่งห้องด้วย สีชมพูเตรียม ไว้ให้ลูกสาว เพราะนอกจากจะเป็นสีแห่งความอ่อนหวานแล้ว การเลือกสีชมพูสำหรับเด็กผู้หญิงนั้น เสมือนการอวยพรให้เด็กเป็นคนที่อ่อนหวาน งดงามน่ารักบริสุทธิ์

สีชมพูโอรส 
เนื่องจากเป็นสีที่มีส่วนประกอบหลากหลาย ได้แก่ สีชมพู และสีส้มเล็กน้อย หากเป็นสีชมพูล้วนๆก็หมายถึงความบริสุทธิ์น่ารัก แต่เมื่อสีโอโรสมีสีส้ม เจือด้วยจึงทำให้ความรักอันบริสุทธิ์เปลี่ยนเป็นรักที่ทรงพลัง อำนาจแห่งความปรารถนา แรงดึงดูดแห่งรัก อำนาจแห่งเสน่ห์ มันจึงไม่เป็นมงคลนัก หากจะนำสีดังกล่าวมาตกแต่งห้องนอนของคู่บ่าวสาวเชื่อกันว่าจะส่งผลให้เกิดรักสามเส้าใครบางคนอาจตกหลุมรักหรือติดบ่วงเสน่ห์ผู้ที่ไม่ใช่คู่ครอง ของตนสำหรับวัยหนุ่มสาว
ที่ยังไม่มีครอบครัว สีโอโรสหมายถึงความ มีเสน่ห์ และมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีมิตรสหายมาก สีโอรสในที่นี้หมายถึงสีของดอก ท้อนั่นเอง ในทางจิตวิทยา วิเคราะห์ได้ว่าได้รวมเอาคุณลักษณะทั้ง3 สีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนหวานของสีชมพู ความสดใส ความปรารถนา ของสีเหลือง และความร้อนแรง มีพลังของสีแดง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่ ฮวงจุ้ย จะตีความไว้เช่นนั้น

สีฟ้า 
ชาวจีนมักจะมองสีฟ้าว่าเป็นสีแห่งการเปลี่ยนแปลงและเจริญเติบโตเฉกเช่นเดียวกับสีเขียว มีไม่น้อยที่คิดว่าสีฟ้าเป็นสีแห่งฤดูใบไม้ผลิ การสวมชุดสีฟ้า ในช่วงเวลา ดังกล่าวจึงเป็นเสมือนการต้อนรับฤดูกาลใหม่ ทว่ายังมีบางกลุ่มที่ไม่นิยมสีฟ้าเนื่องเพราะคิดว่าสีฟ้าเป็นสีแห่ง ความโศกเศร้าในทางจิตวิทยา มองว่าสีฟ้าเป็นสีแห่งความสดชื่น ปลอดโปรงโล่งสบายและสดใส จึงพ้องกับความคิดที่ว่า สีฟ้าเป็นสีแห่งฤดูใบไม้ผลิ และการที่บางคนมองว่าสีฟ้าเป็นสีแห่งความโศกเศร้านั้น น่าจะเป็นเพราะเป็นสีอยู่ในโทนอ่อน มีความเข้มของสีน้อยขาดความโดดเด่น ไม่มีผลในการกระตุ้นให้เกิดความกระตือรือร้น เช่นเดียวกับสีเข้มๆ บางสี เช่นสีแดงนั่นเอง

สีเขียวอมฟ้า 
สีเขียวเป็นสัญลักษณ์แทนธาตุไม้ ดังนั้น มันจึงหมายถึงความเจริญเติบโตหรือการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่า สีแทนความหม่นหมอง แต่เมื่อมันมาอยู่ รวมกันก็จะเกิดความหมายใหม่ที่ดีๆเพราะสีเขียวอมฟ้านั้นไปพ้องกับสีของใบไผ่ เป็นไม้มงคลของชาวจีน ชาวจีนมีความเชื่อว่าสีเขียวอมฟ้าเป็นสีแห่งความ อ่อนเยาว์ในทางจิตวิทยา ได้รวมเอาคุณลักษณะของหลายสีเข้าด้วยกัน ได้แก่ สีเหลือง สีน้ำเงิน สีขาว แม้สีฟ้าจะถูกมองว่าหม่นหมอง แต่เมื่อได้ความสดใสจากสีเหลือง เข้ามาช่วยแล้ว ก็ทำให้สีเขียวอมฟ้าช่วยกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกให้สดชื่นได้