วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557

The Paris Carnival


The Paris Carnival is a carnival in the city of Paris in France. It occurs after the Feast of Fools and has been held since the sixteenth century or earlier, with a long 20th century interregnum.

Modern day carnival

In 1997 the carnival was restarted by the Les Fumantes de Pantruches and Droit à la Culture groups. They are still quite active and hold several events each year - Carnaval de Paris and the Carnaval des Femmes de Paris,[2] of which the poster on this page is an example.

Since 2002 a Carnaval has also been run by MACAQ - the Movement for the Cultural and Artistic Liveliness of the Quarter.[3] There were around 1500 participants in 2007, with 10,000 spectators, which grew to 15,000 participants and 40,000 spectators in 2009, according to the organizers. In 2010 the carnival coincided withValentine's Day and Chinese New Year, the theme was improbable couples. It set off from Place Gambetta and went via Belleville, where it met the Chinese New Year parade,[4] to République, before arriving at Hôtel de Ville.[5]


Fête de la Musique 2014

The Fête de la Musique takes off with more than 100 stage venues! This import hit from France encourages amateur musicians and professional musicians, young and old alike, to take up their instruments every year on June 21 and perform their music for free to the public at free concerts. Thanks to the ban on street music being lifted on this day from 4:00pm to 10:00pm, music can be played throughout Berlin on public streets, squares, and parks without electricity or amplifiers.

Come and experience a musical journey of discovery
Both long-standing styles and new surprises can be discovered over the whole range of musical styles. Classical and choir music, electro and hiphop, jazz, rock, pop, reggae, and ska, world music, punk, and chanson. The festival begins at 4:00pm on the streets of Berlin. From 10:00pm, the music continues in indoor venues. The current programme and participating venues will be published by the middle of May at fetedelamusique.de .

Berlin Fête de la Musique: hot spots across the whole city 
Almost all districts regularly take part in the Fête de la Musique. Musical “clusters” close together can be found in Spandau, where the festival runs throughout the old town, along Revaler Strasse in Friedrichshain, Karl-Marx-Allee and Friedrichstraße, Unter den Linden and at Rosa-Luxemburg-Platz. Another hot spot is certainly the large stage in Mauerpark.

The history of the Fête de la Musique
The Fête de la Musique first began in 1982 in France to give exposure to the large number of musicians in the country. The festival does not have any artistic management; rather it is based on the public’s participation. Some people make performance venues available, others make their music, and everyone comes to listen, dance, and celebrate. Today, the festival is celebrated globally in more than 340 cities. Berlin has been one of them since 1995.

วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ความลับเรื่องแมวที่คุณอาจไม่เคยรู้

เผย 9 ความลับเรื่องแมวที่คุณอาจไม่เคยรู้ เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม          
 แมว เป็นสัตว์อีกหนึ่งชนิดที่ปรากฏอยู่ในเรื่องเล่าต่าง ๆ มากมาย และถูกเล่าต่อกันมาจนกลายเป็นความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อทางด้านศาสนา ประวัติศาสตร์ หรือนิสัยของแมวบางอย่างที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่ หลาย ๆ คนอยากรู้ว่า สัตว์ที่ดูนิ่งเงียบ ลักษณะท่วงท่าการเดินที่สง่างามเหล่านี้ มีความลับอะไรที่เจ้าของอย่างเรา ๆ ยังไม่รู้อีกหรือไม่ วันนี้เราก็เลยนำความลับของแมวมาเปิดเผยกันค่ะ
1. เชื่อว่าแมวจะขโมยลมหายใจของทารก           จริง ๆ แล้วแมวไม่ได้มีเจตนาร้ายใด ๆ กับทารกของคุณหรอกนะคะ เพียงแต่ว่าพวกมันชอบหาที่อบอุ่น ๆ และสบาย ๆ นอน ซึ่งลมหายใจของทารกเป็นอุณหภูมิที่แมวต้องการพอดี ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้แมวชอบเข้าไปคลุกคลีกับทารกบ่อย ๆ เท่านั้นเอง แต่ทั้งนี้คุณก็ไม่ควรให้แมวเข้าใกล้ทารกของคุณมากเกินไปเพราะเด็กอาจจะติดเชื้อโรค หรืออาจจะทำให้ทารกเกิดภูมิแพ้ได้ 
2. เชื่อว่าผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรเลี้ยงแมว           จริง ๆ แล้วผู้หญิงที่ตั้งครรภ์นั้นไม่ควรสัมผัสตัวแมว หรือทำอะไรเกี่ยวกับแมวบ่อยนัก เพราะอาจจะทีโอกาสติดเชื้อท็อกโซพลาสโมซิสจากแมวได้ โดยเฉพาะในช่วงสามเดือนแรก ซึ่งหากทารกติดเชื้ออาจจะเกิดอาการสมองบวมน้ำ ประสาทตาอักเสบ หรืออารมณ์ผิดปกติ ฉะนั้นหญิงตั้งครรภ์จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสตัวแมว และของใช้ที่เกี่ยวกับแมวทั้งหมดดีกว่า 
3. เชื่อว่าแมวดำคือสัญลักษณ์ของความโชคร้าย           จากผลการสำรวจผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ในปี 2000 พบว่าผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสแมวขอสีดำ หรือแมวขนสีเข้มมากกว่าแมวขนสีอ่อน ๆ ถึง 4 เท่า นั่นเป็นเพราะว่าตามผิวหนัง และในน้ำลายของพวกแมวขนสีดำ หรือแมวขนสีเข้มมีสารสำคัญในการก่อภูมิแพ้ที่เรียกว่า Fel.d1 สะสมอยู่มากกว่าแมวขนสีอ่อน ด้วยสาเหตุนี้เองที่ทำให้หลาย ๆ คนเชื่อว่าแมวดำจะความโชคร้ายมาให้นั่นเอง 
4. เชื่อว่าแมวมี 9 ชีวิต           ความเชื่อที่ว่าแมว มี 9 ชีวิตนั้นถูกเล่าขานเป็นตำนานกันออกไปต่าง ๆ นานาทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นในประเทศแถบยุโรป เอเชีย อเมริกา หรือแอฟริกา โดยเฉพาะในประเทศอียิปต์ที่นับถือว่า แมวเป็นตัวแทนของเทพเจ้าเลยทีเดียว เหตุที่ทำให้ผู้คนต่างคิดว่าแมวมี 9 ชีวิตอาจจะเนื่องมาจากว่า ลำตัวของแมวมีความยืดหยุ่นสูง จึงทำให้สามารถกระโดดจากที่สูงได้โดยไม่บาดเจ็บ และแมวก็สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยอยู่กับผู้คนเท่านั้นเอง 
5. เชื่อว่าแมวสามารถลงพื้นได้อย่างปลอดภัยทุกครั้ง           ถึงแม้แมวจะมีร่างกายที่ยืดหยุ่นสูง แต่ก็ใช่ว่าพวกมันจะกระโดดลงจากที่สูงลงมาได้อย่างปลอดภัยเสมอไป เพราะแมวก็มีสิทธิ์พลาด และพลั้งเผลอตกลงมาได้เช่นกัน ดังนั้นในบางครั้งแมวก็มีโอกาสเกิดบาดแผล และเกิดอาการบาดเจ็บได้เช่นกัน 
6. เชื่อว่าเสียงครางหมายถึงแมวกำลังมีความสุข           เสียงครางเป็นเสียงแรกที่แมวสามารถทำได้ ตั้งแต่อายุน้อย เพราะในขณะนั้นพวกมันไม่สามารถทำเสียงสูง หรือเสียงต่ำได้ จึงทำให้คุณได้ยินเสียงครางบ่อย ๆ และเข้าใจว่าแมวกำลังมีความสุข ฉะนั้นเสียงครางจึงไม่ได้หมายความว่าพวกมันกำลังมีความสุขเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่อาจจะกำลังสื่อสารให้คุณรู้ว่าพวกมันกำลังป่วย หรือบาดเจ็บอยู่ก็เป็นได้ 
7. เชื่อว่าแมวไม่ชอบน้ำ           ก็ใช่ว่าแมวทุกตัวจะกลัว หรือไม่ชอบน้ำเสมอไปหรอกนะคะ เพราะแมวบางตัวก็ชอบเล่นน้ำเหมือนกัน อย่างเช่นแมวสายพันธุ์ เตอร์กิชแวน ที่รักการว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ จนได้รับฉายาว่า "Swimming cat" เลยทีเดียว แต่ที่เราเห็นว่าแมวเลี้ยงส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใกล้จุดที่มีแหล่งน้ำสักเท่าไหร่ ก็เพราะแมวคิดว่ามันไม่คุ้มกับการที่จะต้องหาเรื่องทำให้ตัวเองเปียก เพื่อแลกกับปลาตัวเล็ก ๆ ในสระ ทั้ง ๆ ที่มีอาหารจานใหญ่รออยู่ตรงหน้าแล้วนั่นเอง
8. เชื่อว่าแมวเป็นสัตว์หากินกลางคืน           นั่นเป็นเพราะสายตาของแมวสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ผ่านแสงสว่างน้อย ๆ หรือความมืดในกลางคืนได้ดีกว่าแสงสว่างในตอนกลางวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาโพล้เพล้ หรือใกล้ค่ำ จะเป็นเวลาที่เหมาะกับการล่าเหยื่อมากที่สุด แต่ก็ใช่ว่าแมวจะสามารถมองเห็นแม้ในที่มืดสนิทได้หรอกนะ 
9. เชื่อว่าแมวชอบความสันโดษ           ถึงแม้แมวจะได้อยู่รวมกันเป็นฝูงเหมือนสัตว์ชนิดอื่น ๆ แต่พวกมันก็จะอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกัน หรือบริเวณใกล้ ๆ กับแหล่งอาหารของพวกมันนั่นเอง โดยเฉพาะแมวเพศผู้ที่มีอายุประมาณ 18 เดือนขึ้นไป ก็จะออกไปหากินตัวเดียวมากกว่าแมวเพศเมีย ดังนั้นหากคุณไม่อยากให้แมวที่คุณเลี้ยงหนีออกไปอยู่นอกบ้าน ก็ควรจะเลี้ยงแมวตั้งแต่พวกมันอายุ 8 - 10 เดือน และควรเลี้ยงสองตัวขึ้นไป ก็จะทำให้พวกมันมีนิสัยอยู่ติดบ้านมากกว่า เลี้ยงแมวมีอายุ หรือเลี้ยงแมวแค่เพียงตัวเดียว             หลังจากที่เรานำคำตอบมาเฉลยกันแล้ว ก็อุ่นใจขึ้นได้แล้วใช่ไหมคะว่าแมวเป็นแค่สัตว์เลี้ยงตัวเล็ก ๆ ตาใส ๆ เท่านั้นไม่ได้มีพิษสง หรือซ่อนความลึกลับอะไรเอาไว้เลย ต่อไปหากกำลังคิดจะเลี้ยงสัตว์กัน ก็น่าจะมีแมวน่ารัก ๆ เอาไว้ที่บ้านสักตัวนะคะ